วิธีการเลือกซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

ซอฟต์แวร์ (OS) ที่คุณใช้งานอยู่ ช่วยทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นหรือไม่? มันสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และผลลัพธ์ให้กับธุรกิจของคุณหรือไม่?

ผู้ใช้ Linux อาจจะบอกได้ว่าพวกเขาสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น โดยปราศจากความเสี่ยงจากการละเมิดมัลแวร์/ความปลอดภัย ส่วนทางด้านผู้ใช้ Windows อาจจะเน้นการที่ระบบปฏิบัติการสามารถเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ทั้งหมดที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดี  ไม่ว่าในกรณีใด ระบบปฏิบัติการได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น เพื่อให้คุณสามารถโฟกัสไปที่การแก้ปัญหาทางธุรกิจ ไม่ใช่มัวแต่แก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์

ด้วยเหตุนี้ อะไรที่ทำให้ระบบปฏิบัติการกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราอย่างที่ไม่มีสิ่งใดเข้ามาทดแทนได้? ตามหลักการแล้ว ระบบปฏิบัติการ คือซอฟต์แวร์ที่จัดการฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ และทรัพยากรซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรสำหรับคุณในการทำงานให้สำเร็จ การส่งต่อความต้องการของผู้ใช้ไปยังฮาร์ดแวร์ และทำให้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างผู้ใช้ และฮาร์ดแวร์เป็นไปอย่างราบรื่น ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบปฏิบัติการที่ดี

ลองนึกภาพสถานการณ์ที่คล้ายกัน แต่เปลี่ยนเป็นซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์ ซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์จะกลายเป็นระบบปฏิบัติการได้อย่างไร เมื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธุรกิจ สำหรับเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ การมีเครื่องมือแบบครบวงจรที่สามารถช่วยจัดการ และดำเนินธุรกิจบนคลาวด์ได้อย่างครบวงจร ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแท็บเดียว ราคาเดียว พร้อมชุดโปรแกรมเดียว และชำระเงินค่าสมัครสมาชิกในครั้งเดียว นั่นฟังดูเหมือนจะดีจนเกินจริง สำหรับระบบปฏิบัติการเชิงธุรกิจที่เป็นหนึ่งเดียว และมีการ integrated  อย่างราบรื่น ซึ่งคุณสามารถใช้งานทั้งหมดนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง และไม่ต้องลงทุนอย่างมหาศาลในด้านต่างๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น

ก่อนที่เราจะเจาะลึกว่าระบบปฏิบัติการมีความหมายต่อธุรกิจของคุณอย่างไร เรามาดูรายละเอียดส่วนประกอบในแต่ละเลเยอร์กันก่อน

-ผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยว

-ผลิตภัณฑ์แบบชุด

-ระบบการปฏิบัติงาน

ผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยว

หรือสแตนด์อโลนได้รับการออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหาเฉพาะด้าน สำหรับการดำเนินธุรกิจในแง่มุมเดียว ยกตัวอย่างเช่น การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) โดยการใช้งานหลักของ CRM คือการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดการปฏิสัมพันธ์ของบริษัทกับลูกค้า และลูกค้าเป้าหมาย แม้ว่า CRM จำนวนมากจะได้รับการพัฒนาไปมากกว่าการใช้งานหลัก และมีการแยกย่อยออกไปเพื่อปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้งาน แต่ฟังก์ชันการทำงานหลักยังคงเหมือนเดิม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้สมบูรณ์แบบในระยะเวลาอันยาวนาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และเป็นผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ในการแก้ปัญหาเฉพาะเจาะจงนั้นๆ ธุรกิจต่างๆ จึงมักจะเลือกผลิตภัณฑ์เดียวที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง

ข้อเสียเปรียบที่ชัดเจนของการใช้ผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยว นั่นคืออาจไม่ตอบโจทย์ปัญหาบางอย่างที่ธุรกิจอาจต้องเผชิญ นำไปสู่ฟังก์ชันการใช้งานที่จำกัด หากธุรกิจขนาดเล็ก เลือกใช้งาน CRM ที่มีการ implement มาเป็นอย่างดีแล้ว (ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บข้อมูลเพียงแหล่งเดียว) พร้อมด้วยการ integrate ที่หลากหลายก็เพียงพอแล้วในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ความจริงก็คือ เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น การ integrate ก็จะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และในไม่ช้าจะนำไปสู่ความยุ่งเหยิงของการ integrate ที่แก้ไขได้ยาก

หากธุรกิจของคุณกำลังเติบโต คุณจะต้องมีซอฟต์แวร์ที่สามารถขยายขนาดได้ตามไปด้วย เมื่อเวลาผ่านไป กระบวนการทางธุรกิจของคุณจะต้องใช้โซลูชันที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น และอาจเป็นเวลาที่ดีที่จะพิจารณาชุดผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยวที่มีการ integrate หลายอย่างเข้าด้วยกัน

ผลิตภัณฑ์แบบชุด

โดยปกติชุดซอฟต์แวร์ คือชุดแอปพลิเคชันที่ปรับให้เหมาะสมกับกระบวนการทางธุรกิจของคุณ โดยที่ซอฟต์แวร์เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจของคุณทั้ง vertical และ horizontal อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งการใช้ชุดแอปพลิเคชันจะช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาต่างๆ มากมายได้โดยไม่ต้องทำการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ทีละรายการ เพื่อให้ตอบโจทย์กระบวนการทางธุรกิจในแต่ละกระบวนการ

ชุดซอฟต์แวร์จะเก็บรวบรวมผลิตภัณฑ์ไว้ภายใต้โดเมนเดียวกัน ชุดซอฟต์แวร์การตลาดจะประกอบไปด้วยแอปฯ สำหรับ lead generation แคมเปญ การติดตามผ่านหน้าเว็บ และการวิเคราะห์ข้อมูลดิบ ชุดซอฟต์แวร์การเงินจะรวบรวมแอปพลิเคชันสำหรับการจัดการทางการเงินทั้งหมดของคุณ ตั้งแต่การบัญชี การเรียกเก็บเงิน ไปจนถึงการจัดการสินค้าในสต็อก

ด้วยการลงทุนในชุดซอฟต์แวร์ที่คล้ายกัน หรืออยู่ในโดเมนเดียวกัน จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาทางธุรกิจได้อย่างง่ายดาย โดยไม่กระทบต่อฟังก์ชันการทำงาน โดยในชุดบันเดิลอาจจะมีผลิตภัณฑ์หลักสักหนึ่งตัว และมีผลิตภัณฑ์รองที่เข้ามาช่วยเติมเต็มการทำงานในฟังก์ชันอื่นๆ ของกระบวนการทางธุรกิจ

ระบบการปฏิบัติงาน

เราได้เห็นแล้วว่าซอฟต์แวร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยว และแบบชุด สามารถนำมาใช้ในธุรกิจได้อย่างไร ทีนี้เราลองมาดูกันว่าระบบการปฏิบัติงานจะสามารถช่วยเหลือธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง

OS สำหรับธุรกิจเป็นโซลูชันแบบครบวงจรในการแสดงให้เห็นภาพ นำทาง และผสานกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดของคุณไว้ภายใต้การสมัครสมาชิกเพียงครั้งเดียว แดชบอร์ดเดียว การเข้าสู่ระบบครั้งเดียว และราคาเดียว ซึ่งเป็นที่ที่คุณสามารถดำเนินกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็น CRM, แอปพลิเคชันเพื่อการให้บริการลูกค้า หรือโซลูชันอีคอมเมิร์ซ ระบบปฏิบัติการสามารถใช้เป็นแพลตฟอร์มในการโฮสต์ และรวมแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ไร้อุปสรรค

ระบบการปฏิบัติงานที่มีการ integrate และวางซ้อนกันเป็นอย่างดี จะช่วยปิดข่องโหว่ของการติดต่อกันในขณะที่ทำงานร่วมกัน จัดการ ถ่ายโอน และการ integrate ข้อมูลของคุณ ด้วยการรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ในทุกเลเยอร์

แต่ระบบการปฏิบัติงานนั้นเหนือกว่า ไม่เพียงแต่ในด้านประสิทธิภาพ และการ integrate กับกระบวนการทางธุรกิจประจำวันของคุณเท่านั้น นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์ขั้นสูงสุดในแง่ของความเป็นส่วนตัว บทบาท และการจัดการการเข้าถึง รวมถึงมีการหมุนเวียนของข้อมูลที่ดีขึ้น และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มระบบการปฏิบัติงานของคุณสามารถมีรูปลักษณ์ตามที่คุณต้องการ ไม่มีใครเห็นข้อมูลใดๆ ที่เป็นความลับ และไม่มีข้อมูลใดหลุดรอดได้ ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

มาดูกันว่าซอฟต์แวร์รุ่นใดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

ผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยว vs. ชุดแอปฯ

สำหรับธุรกิจที่เป็นประเภทธุรกิจเฉพาะ ผลิตภัณฑ์แบบสแตนด์อโลนที่เชี่ยวชาญในประเภทธุรกิจนั้นๆ จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า แพลตฟอร์มอเนกประสงค์ ที่มุ่งเน้นไปที่กระบวนการทางธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งอาจเกินความต้องการ

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายแง่มุมของธุรกิจที่ขาดไม่ได้ ในส่วนของการดำเนินงาน เช่น การจัดการทรัพยากรบุคคล การตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนข้อกำหนดด้านบัญชีเงินเดือนและการเงิน ล้วนมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางอาจไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ได้ ทำให้ธุรกิจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับซอฟต์แวร์อื่นๆ

เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจในหลายแผนก เราขอแนะนำให้ใช้ชุดผลิตภัณฑ์ แทนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามประเภทธุรกิจ หรือเฉพาะทางเพียงรายการเดียว นอกจากนี้ ยังสามารถอัปเกรดเป็นผลิตภัณฑ์แบบชุดได้ เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น ทำให้พร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยการตัดสินใจซื้อควรมีความสมเหตุสมผลในแง่ของความสามารถในการเติบโต และการขยายธุรกิจอีกด้วย

ชุดแอปฯ vs. ซอฟต์แวร์ (OS)

เส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของคุณอาจเริ่มต้นด้วยซอฟต์แวร์เพียงตัวเดียว แต่การขยายขนาด/แทนที่ซอฟต์แวร์ที่มีอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการอื่นๆ จะเกิดขึ้นทันทีเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ซึ่งในกรณีเหล่านี้ การซื้อชุดซอฟต์แวร์จะเพิ่มประสิทธิภาพ และรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ พร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าจะขยายขีดความสามารถได้

ชุดซอฟต์แวร์ที่ตอบสนองความต้องการด้านต่างๆ ของธุรกิจที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้ต้องการลงทุนในชุดซอฟต์แวร์ในราคาเดียว แทนที่จะสมัครผลิตภัณฑ์เดี่ยวๆ ที่มีค่าใช้จ่ายซ้ำๆ ซึ่งนำไปสู่ "วังวนแห่งผู้ให้บริการหลายราย" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผู้ประกอบการทุกคนจำเป็นต้องตัดสินใจเรื่องยากๆ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปในอนาคต การตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ หรือระบบการปฏิบัติงานอาจเป็นหนึ่งในการตัดสินใจดังกล่าว โดยซอฟต์แวร์ (OS) สามารถใช้เพื่อดำเนินธุรกิจทุกขนาด และทุกงบประมาณ ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่ปรับขนาดได้ และมีราคาที่เข้าถึงได้

เนื่องจากการแพร่ระบาดส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก ทำให้การมีตัวตนทางดิจิทัล และการพัฒนาร้านค้าออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจาก SMBs ทั่วโลก ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดังนั้นการซื้อซอฟต์แวร์ในราคาที่เอื้อมถึง และใช้งานง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ

Zoho One จะช่วยให้คุณดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่นได้อย่างไร?

Zoho One ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์ม และโฮสต์ซอฟต์แวร์อื่นๆ จำนวนมาก เพื่อให้มุมมอง 360 องศาของแอปพลิเคชันที่แอดมินผู้ดูแลระบบสามารถใช้เพื่อควบคุมการดำเนินธุรกิจของตนได้อย่างเต็มที่ มีแอปพลิเคชันแบบเนทีฟมากกว่า 45 รายการเพื่ออำนวยความสะดวกด้าน CRM การให้บริการลูกค้า ความปลอดภัย อีคอมเมิร์ซ การจัดการทรัพยากรบุคคล บัญชีเงินเดือน การเงิน และการขาย

Zoho One ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์ม สื่อสารปัญหาสำคัญไปยังโซลูชันที่เกี่ยวข้อง และช่วยลดความยุ่งยากในการแก้ปัญหาในที่เดียว ด้วยระบบอัตโนมัติ การแสดงข้อมูลออกมาเป็นภาพ และเวิร์กโฟลว์ แต่ละผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เดี่ยวๆ จึงมีการอัปเดตฟีเจอร์อย่างทันท่วงที รวมทั้งรับประกันการแก้ไขข้อบกพร่องอย่างรวดเร็ว

ความเป็นส่วนตัวควรเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ Zoho One ทำให้แน่ใจว่า เราจะปฏิบัติต่อ

ข้อมูลของคุณให้เหมือนกับของเราเอง นั่นคือ การปฏิบัติอย่างมีความรับผิดชอบ

ด้วยการ integrate เชิงลึก และการเข้าถึงที่ง่ายดาย Zoho One OS กำจัดจุดติดต่อหลายจุด และลดเวลาที่ใช้ในการทำงานร่วมกัน จัดการ ถ่ายโอน และเชื่อมโยงข้อมูล ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น และมีความเป็นเอกภาพ

ธุรกิจของคุณต้องการผลิตภัณฑ์มากกว่า 45 รายการหรือไม่?

ธุรกิจที่ครบวงจรจะต้องมีการตลาด, CRM, การบัญชี, การให้บริการลูกค้า, การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, การเงิน, การสื่อสาร, การทำงานร่วมกัน และซอฟต์แวร์ทรัพยากรบุคคล เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มข้อมูลในอดีตของผู้ใช้ระยะยาวของเรา ฐานผู้ใช้ส่วนใหญ่ทั่วโลกของเราได้ค่อยๆ นำการใช้ผลิตภัณฑ์มากกว่า 25 รายการมาใช้ในการดำเนินธุรกิจของตนในแต่ละวัน

การเปลี่ยนแปลงระบบแบบดั้งเดิมให้เป็นดิจิทัล และการอัพเกรดซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ เป็นสิ่งจำเป็นเมื่อธุรกิจของคุณเริ่มที่จะเติบโตเกินกว่าความสามารถของซอฟต์แวร์ปัจจุบันของคุณ การเลือกซอฟต์แวร์ที่ปรับขนาดได้ และเชื่อถือได้จะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตและการพัฒนาในอนาคต

หากธุรกิจของคุณเติบโตเต็มที่แล้ว ซอฟต์แวร์ ไม่ควรเป็นอุปสรรคสำหรับการขยายธุรกิจของคุณ เนื่องจากแต่ละผลิตภัณฑ์ที่รวมอยู่ในแพลตฟอร์ม Zoho One นั้นเป็นคู่แข่งชั้นนำในท้องตลาดด้วยตัวมันเอง รวมทั้งราคาของระบบปฏิบัติการนี้ก็น่าดึงดูดสำหรับธุรกิจทุกขนาดอีกด้วย

บทสรุป

ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการดำเนินกระบวนการทางธุรกิจของคุณมีหลายขนาดและแพ็กเกจ การระบุประเภทซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินงานในแต่ละวัน

การเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือการผสมผสานซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นในการดำเนินงานในแต่ละวัน และมีความมั่นคงในอนาคต ซึ่งซอฟต์แวร์ที่ซื้อในระยะเริ่มต้นจะเป็นตัวกำหนดความมั่นคง และการขยายตัวของธุรกิจ ดังนั้นคุณจะต้องพิจารณาการวิจัยที่ครอบคลุมเกี่ยวกับความสามารถในการขยายขนาด ค่าใช้จ่าย และคุณค่าที่นำเสนอโดยซอฟต์แวร์ ก่อนที่จะเลือกว่าจะใช้งานผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยว หรือผลิตภัณฑ์แบบชุด

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published.

รหัสภาษาของความคิดเห็น
เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้แล้ว คุณยินยอมให้เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว.

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง